การชดเชยค่าภาษีอากร
การชดเชยค่าภาษีอากรสำหรับสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร
คำจำกัดความที่สำคัญในการชดเชยค่าภาษีอากร
คำว่า "สินค้า" หมายความว่า สินค้าที่ผลิตในราชอาณาจักร
คำว่า "ผลิต" หมายความว่า ประกอบ แปรรูป แปรสภาพ
หรือทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้มีขึ้น ซึ่งสินค้าไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ
คำว่า "เงินชดเชย" หมายความว่า เงินที่จะจ่ายชดเชยค่าภาษีอากรซึ่งมีอยู่ในต้นทุนการผลิตสินค้าส่งออกให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชยในรูปของบัตรภาษีตามพระราชบัญญัติชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร
พ.ศ. 2524
คำว่า "อัตราเงินชดเชยค่าภาษีอากร" หมายความว่า
อัตราเงินชดเชยสำหรับชนิดและประเภทสินค้าที่จะได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากรตามที่คณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักรได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
คำว่า "การส่งสินค้าออก" หมายความว่า
การส่งของออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
รวมถึงการขายสินค้าภายในประเทศให้แก่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามโครงการเงินกู้หรือเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
และการขายสินค้าให้แก่องค์การระหว่างประเทศหรือหน่วยงานที่มีสิทธินำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยได้รับการยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร
ผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากร ได้แก่
1.
ผู้ทำการส่งออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
หรือผู้ที่ขายสินค้าภายในประเทศให้แก่
ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามโครงการเงินกู้หรือเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
หรือผู้ที่ขายสินค้าให้แก่องค์การระหว่างประเทศหรือหน่วยงานที่มีสิทธินำสินค้านั้นเข้ามาในราชอาณาจักรโดยได้รับการยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร
2.
ผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชยจะต้องไม่ได้ใช้สิทธิคืนหรือยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีอากร
ตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นสำหรับสินค้าส่งออก
3.
การส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศต้องปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายศุลกากรและได้รับชำระเงินค่าขายสินค้าจากต่างประเทศ
ถ้าหากเป็นการส่งออกเพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่ทางการค้าเช่น
การส่งออกเพียงเพื่อเป็นตัวอย่าง หรือเพื่อการวิเคราะห์
หรือเพื่อการอื่นที่มิได้จำหน่าย ไม่สามารถขอรับเงินชดเชยได้
ผู้ไม่มีสิทธิได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
ผู้ไม่มีสิทธิได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
ได้แก่ผู้ส่งออกที่ได้ใช้สิทธิขอคืนหรือยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้าสำหรับของที่ส่งออกที่ใช้สิทธิประโยชน์
ดังต่อไปนี้
1.
การขอคืนอากรตามมาตรา
29 ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
2.
การยกเว้นอากรขาเข้าแก่ของที่ปล่อยออกไปจากคลังสินค้าทัณฑ์บน
ประเภทโรงผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
3.
การยกเว้นอากรขาเข้าเกี่ยวกับเขตประกอบการเสรี
ตามกฎหมาย ว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
4.
การยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้าที่ไม่ใช่เครื่องจักร
ตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมการลงทุน
5.
การยกเว้นอากรขาเข้าเกี่ยวกับเขตปลอดอากรตามหมวด
6 ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
ชนิดสินค้าที่ไม่ได้รับเงินชดเชย
สินค้าส่งออกที่ไม่ได้รับเงินชดเชย
ได้แก่สินค้าส่งออกดังต่อไปนี้
1.
สินค้าที่ไม่ได้ผลิตในราชอาณาจักร
2.
แร่
ตามกฎหมายว่าด้วยแร่
3.
สินค้าที่ต้องเสียอากรหรือค่าธรรมเนียมเมื่อส่งออก
4.
สินค้าที่คณะกรรมการฯกำหนดไม่ให้ได้รับเงินชดเชย
ดังนี้
5.
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักรที่
3/2527 ได้แก่ผลิตภัณฑ์ที่ทำด้วยไม้สัก
พยุง ชิงชัง ประดู่ มะค่าโมง ขะเจ๊า(สาธร) และ มะเกลือ
ที่ไม่เหมาะจะนำไปแปรรูปเป็นอย่างอื่น
6.
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักรที่
1/2535 ได้แก่
o ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ไม่ว่าจะเป็นข้าวเปลือก ข้าวขาว ข้าวกล้อง
ข้าวนึ่ง ข้าวอบแห้ง ปลายข้าว หรือรำ
o ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี
o ข้าวโพด ไม่ว่าเป็นฝักหรือเมล็ด อบ บด ทำให้เป็นซีกหรือชิ้น
แต่ไม่รวมถึงแป้งข้าวโพด หรือข้าวโพด
ที่ผ่านกรรมวิธีเพื่อทำเป็นอาหารนอกจากอาหารสัตว์
(ไม่รวมฝักข้าวโพดอ่อนที่เป็นฝัก)
o หนังสัตว์ที่ยังไม่ได้ฟอก รวมทั้งเศษตัด และเศษ
o ยางของต้นยางตระกูลฮีเวีย ไม่ว่าจะเป็นยางแผ่น ยางแท่ง เศษยาง
ยางก้อน น้ำยาง หรือขี้ยางจากต้นยาง ยางปนดิน หรือปนเปลือกต้นยาง
รวมทั้งยางในลักษณะอื่นซึ่งยังอยู่ในสภาพวัตถุดิบ
o รัง ไหม เส้นไหมดิบที่ยังมิได้ตีเกลียว และเส้นด้ายที่ทำด้วยไหม
ขี้ไหม หรือเศษไหม
o ถั่วทุกชนิด ไม่ว่ากะเทาะเปลือก หรือทั้งเปลือก บด
ทำให้เป็นซีกหรือชิ้น รวมทั้งกากถั่ว แต่ไม่รวมถึง แป้งถั่ว
หรือถั่วที่ผ่านกรรมวิธีเพื่อทำเป็นอาหารนอกจากอาหารสัตว์
(ไม่รวมถึงถั่วฝักยาวที่เป็นฝัก)
o เมล็ดละหุ่ง
o ปอทุกชนิดรวมทั้งเศษปอ ไม่ว่าดิบหรือผ่านกรรมวิธีใดๆแล้ว
รวมทั้งปอที่เป็นเส้นใย แต่ไม่รวมถึงปอที่ปั่นเป็นเส้นหรือวัตถุประดิษฐ์อื่นจากปอ
o ครั่งดิบ ครั่งเม็ด
o มันสำปะหลัง ไม่ว่าเป็นหัว หรือจัดทำเป็นผง แป้ง เส้น ก้อน แท่ง
ฝอย ชิ้น เม็ด หรือจัดทำในลักษณะอื่น รวมทั้งกากมันสำปะหลัง
o น้ำตาลทราย น้ำตาลทรายดิบ หรือน้ำตาลดิบ
o กากน้ำตาล กากมะพร้าว
o ฝ้าย นุ่น งิ้ว ง้าว ไม่ว่าทั้งลูก กะเทาะเปลือกหรือแยกส่วนแล้ว รวมทั้งเมล็ด
แต่ไม่รวมถึงปุยฝ้ายที่แยกเมล็ดออกแล้ว
o สัตว์ทุกชนิดที่มิใช่สัตว์น้ำและสัตว์ปีก
รวมทั้งวัตถุพลอยได้จากสัตว์
o สัตว์น้ำที่มีชีวิต
o ทองคำ แพลทินัม ทองขาว เงิน นาค โลหะเจือของวัตถุดังกล่าว
รวมทั้งสิ่งทำเทียมวัตถุหรือสินค้าดังกล่าวด้วย แต่ไม่รวมถึงสินค้าที่เป็นสิ่งที่ใช้ประดับกายหรือประดับเครื่องแต่งกาย
ขั้นตอนการขอชดเชยค่าภาษีอากร
ก่อนการส่งออกผู้ประสงค์จะขอใช้สิทธิในการขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักรสำหรับการผ่านพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร
ให้ปฏิบัติดังนี้
1.
ให้ทำการลงทะเบียนเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์
โดยลงทะเบียนเป็นผู้ประสงค์ยื่นคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
ตามแบบคำร้องมอบอำนาจกระทำการแทนในการขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรสำหรับสินค้าส่งออก
ณ ฝ่ายทะเบียนและสิทธิพิเศษ กลุ่มงานมาตรฐานพิธีการและราคาศุลกากร
หรือฝ่ายบริหารทั่วไปสำนัก/สำนักงานศุลกากร หรือด่านศุลกากร
2.
ให้ผู้ส่งของออกที่ใช้สิทธิขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออก
จัดทำข้อมูลใบขนสินค้าขาออกตามมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนดแล้วส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร
o ในส่วนรายละเอียดของใบขนสินค้าขาออกแต่ละรายการ (Export Declaration Detail) ในช่องการใช้สิทธิชดเชยอากร
(Compensation) ต้องมีค่าเท่ากับ Y เท่านั้น
o ในส่วนรายละเอียดของใบขนสินค้าขาออกแต่ละรายการ (Export Declaration Detail) ในช่องการใช้สิทธิพิเศษ
( Privilege Code ) ให้ระบุค่าเป็น " 003 "
o ในส่วนรายละเอียดของใบขนสินค้าขาออกแต่ละรายการ (Export Declaration Detail) ในช่องอัตราอากรขาออก ( Export
Tariff ) ให้ระบุค่าเป็น " 9 PART 3 "
o ในส่วนรายละเอียดของใบขนสินค้าขาออกแต่ละรายการ (Export Declaration Detail) ในช่องพิกัดศุลกากร ( Tariff
Code ) ให้บันทึกพิกัดศุลกากรให้ตรงกับชนิดของของที่ส่งออก
การยื่นขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
การยื่นชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร
ให้ยื่นที่ ฝ่ายชดเชยอากร ส่วนชดเชยค่าภาษีอากร สำนักสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร
สำหรับกรณีเป็นผู้ขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรที่ยื่นชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรเป็นครั้งแรก
ให้ยื่นหนังสือรับรองการจดทะเบียน นิติบุคคล กระทรวงพาณิชย์
และใบประกอบกิจการโรงงานที่ฝ่ายชดเชยอากร ก่อนยื่นชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
และหากมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดของเอกสารดังกล่าวให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงพร้อมทั้งยื่นเอกสารหลักฐานทุกครั้ง
1.
กรณีผู้ส่งสินค้าออกไปยังต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
ให้ยื่นคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรสำหรับสินค้าส่งออก ตามแบบ กศก.20/1 ภายใน 1 ปี
นับตั้งแต่วันที่ส่งออกถึงวันที่ยื่นคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
พร้อมเอกสารประกอบดังนี้
1.
แบบแสดงรายละเอียดของสินค้าที่ได้ส่งออกและขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรตามแบบ
กศก.20/1 ก
ที่ลงลายมือชื่อและประทับตราบริษัท ห้าง ร้าน (ถ้ามี)
โดยผู้มีอำนาจยื่นคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร ทั้งนี้
แบบแสดงรายละเอียดของสินค้าตามแบบ กศก.20/1 ก
ให้มีจำนวนใบขนสินค้าขาออกไม่เกิน 10 ใบขนฯ และไม่เกิน 100
รายการต่อหนึ่งชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร (กรณีใบขนฯ
ฉบับใดมีมากกว่า 100 รายการ
ให้ถือว่าชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรนั้นเป็นหนึ่งชุดคำขอฯ)
2.
บัญชีราคาสินค้า
(Invoice)
3.
เอกสารหลักฐานแสดงการรับชำระเงินค่าขายสินค้าส่งออก
สำเนาใบเข้าบัญชี (Credit Note/Credit
Advice) หรือเอกสารหลักฐานการโอนเงินอื่นๆ
ที่ระบุว่าได้มีการนำเงินตราต่างประเทศหรือสกุลเงินบาท เป็นค่าขายสินค้าที่ส่งออก
ส่งมาจากต่างประเทศตามใบขนสินค้าขาออกเข้าบัญชี ซึ่งออกโดยธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินที่ได้รับการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้ทำหน้าที่เหมือนธนาคารพาณิชย์
และเป็นสถาบันการเงินที่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าโดยตรงจากต่างประเทศ
ทั้งนี้เอกสารดังกล่าวจะต้องมีข้อความระบุชื่อผู้รับเงิน (ผู้ส่งของออก)
เลขที่บัญชีราคาสินค้า (Invoice) แหล่งที่มาของเงิน
จำนวนเงินตราต่างประเทศหรือเงินบาท
ซึ่งมีผู้มีอำนาจลงนามของธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงิน
ต้องลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้อง โดยระบุชื่อ-สกุล ตำแหน่ง พร้อมประทับตราธนาคาร
และผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท ห้าง ร้าน ต้องลงลายมือชื่อพร้อมประทับตรา (ถ้ามี)
เช่นเดียวกัน
หากจำนวนเงินในหลักฐานดังกล่าวแสดงการชำระเงินค่าสินค้าตามบัญชีสินค้า (Invoice)
หลายฉบับ ให้ระบุจำนวนเงินที่ชำระแต่ละบัญชีราคาสินค้า (Invoice)
ให้ชัดเจน ซึ่งผู้มีอำนาจ ลงนามของธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงิน
ต้องลงลายมือชื่อรับรองรายละเอียดดังกล่าวด้วย และให้ผู้ส่งออกยื่นเอกสารเพิ่มเติมในแต่ละกรณี
ดังนี้
1.
กรณีที่มีการรับชำระเงินค่าขายสินค้าที่ส่งออกเป็นเช็ค
/ ดราฟท์ของสถาบันการเงินต่างประเทศ ให้แนบสำเนาภาพถ่ายเช็ค / ดราฟท์
ของธนาคารพาณิชย์ที่ทำการแลกเปลี่ยนเงินตรารับรอง
2.
กรณีที่มีการชำระเงินค่าขายสินค้าที่ส่งออกเป็นเช็คเดินทาง
ให้แนบสำเนาภาพถ่ายเช็คเดินทางที่ธนาคารพาณิชย์รับรอง
และสำเนาภาพถ่ายหนังสือเดินทางเข้าประเทศไทย ของผู้ซื้อ
3.
กรณีที่มีการชำระเงินค่าขายสินค้าที่ส่งออกเป็นเงินสดด้วยสกุลเงินตราต่างประเทศ
หรือสกุลเงินบาท ให้แนบหลักฐานการนำเงินเข้าประเทศ (Foreign Currency Declaration Form)ตามแบบของกรมศุลกากร
โดยเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรเป็นผู้รับรอง
และแนบสำเนาภาพถ่ายหนังสือเดินทางเข้าประเทศหรือสำเนาภาพถ่ายหลักฐานการผ่านแดนเข้ามาในประเทศของผู้เดินทาง
พร้อมเอกสารนำเงินฝากเข้าบัญชีธนาคาร ระบุเลขที่บัญชีสินค้า
4.
กรณีการขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรสำหรับสินค้าที่ส่งออกทางอากาศยาน
ให้ผู้ส่งของออกแนบสำเนาใบตราส่งสินค้าทางอากาศยาน (Air Waybill) ที่ระบุเลขที่บัญชีราคาสินค้าและเงื่อนไขการชำระค่าขนส่งของ
โดยผู้ส่งของออกและตัวแทนบริษัทสายการบิน ลงลายมือชื่อและประทับตรารับรอง
กรณีไม่สำแดงค่าขนส่งใน Air Waybill ให้แนบเอกสารการชำระค่าขนส่งของเพิ่มเติมจากเอกสารที่ต้องยื่นตามปกติ
5.
กรณีผู้ขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรไม่ได้เป็นผู้ผลิตสินค้าที่ส่งออกและประสงค์จะโอนสิทธิในบัตรภาษีให้บุคคลอื่น
และสินค้าที่ขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรมีอัตราเงินชดเชยค่าภาษีอากร ตั้งแต่ร้อยละ 1.5 ขึ้นไปของราคาส่งออก
ให้ยื่นใบกำกับภาษีหรือหลักฐานการซื้อขายอย่างอื่นที่ระบุผู้ซื้อและผู้ขายพร้อมสถานประกอบการของผู้ขาย
ทั้งนี้ใบกำกับภาษีที่ยื่นประกอบชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
ต้องมีรายการดังต่อไปนี้
1.
คำว่า
"ใบกำกับภาษี" ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด
2.
ชื่อ
ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี
3.
หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษีและหมายเลขลำดับของเล่ม
(ถ้ามี) พร้อมวัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี
4.
ชื่อ
ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้า
5.
ชื่อ
ชนิด ประเภท ปริมาณและมูลค่าของสินค้า
6.
จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าโดยให้แยกออกจากมูลค่าสินค้าให้ชัดเจน
6.
เอกสารหลักฐานอื่น
ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาตามความจำเป็น
2.
กรณีขายสินค้าภายในประเทศซึ่งอยู่ในข่ายได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
1.
ผู้ที่ขายสินค้าภายในประเทศให้แก่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามโครงการเงินกู้หรือเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
ซึ่งอยู่ในข่ายได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากรเช่นเดียวกับผู้ส่งสินค้าออก
ให้ยื่นคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร ตามแบบ กศก. 21/1
และให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับกรณีผู้ส่งสินค้าออกไปยังต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
โดยมีเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้
1.
แบบแสดงรายละเอียดของสินค้าที่ขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรตามแบบ
กศก.21/1 ก
ที่ลงลายมือชื่อและประทับตราบริษัท ห้าง ร้าน (ถ้ามี)
โดยผู้มีอำนาจยื่นคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
2.
สำเนาสัญญาซื้อขาย
(เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับสินค้าที่ขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร)
ถ้าสัญญาซื้อขายเป็นภาษาต่างประเทศให้แปลเป็นภาษาไทย
และรับรองโดยผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อ ชื่อ-สกุล ตำแหน่ง พร้อมประทับตราบริษัท ห้าง
ร้าน (ถ้ามี) ไว้ด้วย
3.
สำเนาหนังสือรับรองสัญญาซื้อขายจากส่วนราชการ
หรือรัฐวิสาหกิจ
ว่าเป็นการซื้อขายสินค้าตามโครงการเงินกู้หรือเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
โดยเป็นการซื้อขายที่ผู้ขายได้รับการคัดเลือกในการประกวดราคานานาชาติหรือการสอบราคานานาชาติ
4.
หนังสือรับรองการตรวจรับสินค้า
หรือสำเนาหนังสือตรวจรับสินค้าของคณะกรรมการตรวจรับคุณภาพและปริมาณสินค้าจากส่วนราชการ
หรือรัฐวิสาหกิจ
5.
สำเนาใบส่งสินค้าหรือสำเนาใบกำกับสินค้าซึ่งออกโดยผู้ผลิตสินค้า
และสำเนาหลักฐานการรับเงินค่าขายสินค้าต้องสอดคล้องกัน
โดยผู้ยื่นคำขอต้องลงลายมือชื่อและประทับตราบริษัท ห้าง ร้าน (ถ้ามี)
6.
ยื่นคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรภายใน
1 ปี
นับแต่วันที่คณะกรรมการตรวจรับคุณภาพและปริมาณตรวจรับสินค้า หรือภายใน 1 ปี นับแต่วันที่คณะกรรมการตรวจรับแต่ละงวด ให้นำสำเนาเอกสารพร้อมต้นฉบับ
ตามข้อ (1) - (6) มายื่นโดยเฉพาะหนังสือของส่วนราชการ
หรือรัฐวิสาหกิจ ต้องลงลายมือชื่อ - สกุล ตำแหน่ง โดยหัวหน้าส่วนราชการ
หรือรัฐวิสาหกิจหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วจะคืนต้นฉบับไป
2.
ผู้ที่ขายสินค้าให้แก่องค์การระหว่างประเทศหรือหน่วยงานที่มีสิทธินำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยได้รับการยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร
ซึ่งอยู่ในข่ายได้รับเงินชดเชย ค่าภาษีอากรเช่นเดียวกับผู้ส่งสินค้าออก
ให้ยื่นคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษี ตามแบบ กศก.21/1
และให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับกรณีผู้ส่งสินค้าออกไปยังต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
โดยมีเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้
1.
หลักฐานแสดงว่าผู้ซื้อเป็นหน่วยงานที่มีสิทธินำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร
และกรมศุลกากรอนุมัติแล้ว
2.
หนังสือรับรองการตรวจรับสินค้า
หรือสำเนาเอกสารตรวจรับสินค้าจากผู้ซื้อ พร้อมนำต้นฉบับมาแสดงด้วย
3.
ยื่นคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรภายใน
1 ปี นับแต่วันที่ผู้ซื้อตรวจรับสินค้า
การจัดชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
ให้แยกชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรสำหรับใบขนสินค้าขาออกที่มีการส่งทางอากาศยานต่างหากจากชุดคำขอฯที่ส่งออกทางอื่น
กรณีมีเหตุจำเป็นที่ผู้ยื่นชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรไม่สามารถดำเนินการนำเอกสารประกอบชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรมายื่นได้ครบถ้วน
และสินค้าที่ขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร จะครบกำหนดอายุ 1 ปี
นับจากวันที่ส่งของออกถึงวันที่ยื่นเอกสาร
ให้ผู้ยื่นชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นเอกสารประกอบชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรตามแบบ
กศก 159 โดยสามารถขอขยายระยะเวลาได้ภายใน 15 วันทำการ
กรณีผู้ยื่นชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรที่ได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาแล้ว
ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
หรือไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในกำหนดเวลาตามที่ขอไว้ ให้ถือว่า
ผู้ขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
ไม่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามนัยมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร
พ.ศ.2524 เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมคำร้องขอขยายเวลาฯจะเสนอหัวหน้าฝ่ายชดเชยอากร
เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ยกเลิกชุดคำขอรับเงินชดเชย ค่าภาษีอากรฉบับนั้น
สินค้าส่งออกที่ถูกส่งกลับคืนหรือการส่งสินค้าคืน
ผู้ส่งของออกที่ได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากรไปแล้ว
ให้ส่งคืนเงินชดเชยค่าภาษีอากรที่ได้รับไปแล้ว ภายใน 60 วัน
นับแต่วันที่นำสินค้ากลับคืน หากผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
มิได้คืนเงินชดเชยค่าภาษีอากรตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ จะต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ
2 ต่อเดือน
เศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือนของจำนวนเงินชดเชยค่าภาษีอากรที่ต้องคืน
จนกว่าจะคืนเงินชดเชยค่าภาษีอากรครบถ้วน
ทั้งนี้ผู้ส่งของออกสามารถชำระคืนเงินชดเชยค่าภาษีอากรที่ได้รับไปแล้วด้วยบัตรภาษี
เช็ค หรือเงินสด
มีเอกสารที่เกี่ยวข้องดังนี้
วันที่ปรับปรุงล่าสุด
: 19 เมษายน 2561
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
: ส่วนชดเชยค่าภาษีอากร สำนักสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร (สสอ.)
หมายเลขโทรศัพท์ : 02-667-7000 ต่อ 5799 หรือ 7661
อีเมล์ : 82000100@customs.go.th
ที่มา : กรมศุลกากร
คำว่า "ผลิต" หมายความว่า ประกอบ แปรรูป แปรสภาพ หรือทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้มีขึ้น ซึ่งสินค้าไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ
คำว่า "เงินชดเชย" หมายความว่า เงินที่จะจ่ายชดเชยค่าภาษีอากรซึ่งมีอยู่ในต้นทุนการผลิตสินค้าส่งออกให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชยในรูปของบัตรภาษีตามพระราชบัญญัติชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร พ.ศ. 2524
คำว่า "อัตราเงินชดเชยค่าภาษีอากร" หมายความว่า อัตราเงินชดเชยสำหรับชนิดและประเภทสินค้าที่จะได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากรตามที่คณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักรได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
คำว่า "การส่งสินค้าออก" หมายความว่า การส่งของออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร รวมถึงการขายสินค้าภายในประเทศให้แก่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามโครงการเงินกู้หรือเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ และการขายสินค้าให้แก่องค์การระหว่างประเทศหรือหน่วยงานที่มีสิทธินำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยได้รับการยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร
ผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากร ได้แก่
ผู้ไม่มีสิทธิได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
ชนิดสินค้าที่ไม่ได้รับเงินชดเชย
ขั้นตอนการขอชดเชยค่าภาษีอากร
การยื่นขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
การยื่นชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร ให้ยื่นที่ ฝ่ายชดเชยอากร ส่วนชดเชยค่าภาษีอากร สำนักสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร สำหรับกรณีเป็นผู้ขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรที่ยื่นชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรเป็นครั้งแรก ให้ยื่นหนังสือรับรองการจดทะเบียน นิติบุคคล กระทรวงพาณิชย์ และใบประกอบกิจการโรงงานที่ฝ่ายชดเชยอากร ก่อนยื่นชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร และหากมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดของเอกสารดังกล่าวให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงพร้อมทั้งยื่นเอกสารหลักฐานทุกครั้ง
กรณีมีเหตุจำเป็นที่ผู้ยื่นชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรไม่สามารถดำเนินการนำเอกสารประกอบชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรมายื่นได้ครบถ้วน และสินค้าที่ขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร จะครบกำหนดอายุ 1 ปี นับจากวันที่ส่งของออกถึงวันที่ยื่นเอกสาร ให้ผู้ยื่นชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นเอกสารประกอบชุดคำขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรตามแบบ กศก 159 โดยสามารถขอขยายระยะเวลาได้ภายใน 15 วันทำการ
ผู้ส่งของออกที่ได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากรไปแล้ว ให้ส่งคืนเงินชดเชยค่าภาษีอากรที่ได้รับไปแล้ว ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่นำสินค้ากลับคืน หากผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากร มิได้คืนเงินชดเชยค่าภาษีอากรตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ จะต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน เศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือนของจำนวนเงินชดเชยค่าภาษีอากรที่ต้องคืน จนกว่าจะคืนเงินชดเชยค่าภาษีอากรครบถ้วน ทั้งนี้ผู้ส่งของออกสามารถชำระคืนเงินชดเชยค่าภาษีอากรที่ได้รับไปแล้วด้วยบัตรภาษี เช็ค หรือเงินสด
หมายเลขโทรศัพท์ : 02-667-7000 ต่อ 5799 หรือ 7661
อีเมล์ : 82000100@customs.go.th
Post a Comment